บิน ๆ ๆ ไปกับการบินไทย รักคุณเท่าฟ้า |
เหตุผลแรกคือ "ห้องน้ำ" มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันมามากมายว่า ห้องน้ำเมืองจีนนั้น "สุดจะบรรยาย" พี่โน้ตอุดมเค้าก็เคยเล่าไว้ ผมจะบอกให้เลยครับ ว่าตอนนี้ ห้องน้ำส่วนใหญ่ ก็ยังเป็นแบบที่พี่โน้ตเล่าอยู่ (หาดูได้ในเดี่ยว 8 จะอุดหนุนแผ่นพี่เค้า หรือ ดูยูทูปฟรีก็เป็นเรื่องของท่าน 555) ถึงแม้ว่าหลายต่อหลายคนจะบอกว่ามันพัฒนาแล้ว ก็เถอะครับ ที่พัฒนาหน่ะ มันเฉพาะบริเวณที่รับนักท่องเที่ยวครับ ของชาวบ้านทั่ว ๆ ไป มันก็ยังร้ายกาจเหมือนเดิม ลูกทัวร์เราจะทรมานกันมากเมื่อต้องเข้าห้องน้ำปั้ม ไกด์ท้องที่ก็ต้องเข้าไปดูลาดเลาให้ก่อน แล้วก็จะออกมาบอกเราประมาณว่า ห้องที่สองเข้้าได้ แต่อย่าเผลอมองเข้าไปในห้องแรกเลยนะ อุดจมูกให้ดีด้วย (ขออภัยหาบางท่านกำลังทานข้าว) ถ้าเผลอมองเข้าไปในห้องแรกนะครับ จะเห็นอะไรทุกท่านก็น่าจะรู้อยู่ มันทำให้บางคนถึงกับกินข้าวไม่ลงทีเดียว แต่ว่าถ้าเป็นห้องน้ำในโรงแรม ก็ถือว่าดีตามมาตรฐานสากลแล้วครับ (ตรงนี้เลยทำให้ผมพออยู่รอดไปได้)
อีกเรื่องหนึ่งที่หลาย ๆ ท่านไม่ชอบในเมืองจีนก็คือ "อาหาร" ครับ ผมนี่ไม่ชอบข้อนี้มาก ๆ มากกว่าห้องน้ำที่สุดTEEN เสียอีกครับ คือ อาหารแบบว่า ทุกอย่างจะยืนพื้นด้วยส่วนประกอบหนึ่ง คือ "น้ำมัน" ครับ อาหารทุกอย่างที่เสริฟบนโต๊ะครับ มันเยิ้ม แม้กระทั่ง น้ำแกง!!! สิ่งนี้แสลงใจคนกลัวอ้วนอย่างผมที่สุดเลยหล่ะครับ อีกอย่างก็คือ อาหารที่นี่ ถ้าเป็นอาหารที่จืด อย่างแกงจืด ก็จะจืดอย่างกับกินน้ำเปล่ามัน ๆ เลยครับ ถ้าเป็นอาหารที่มีรสเค็ม ก็จะเค็มจัด ขนาดพริกดองนะครับ ผมจะกินแก้เลี่ยน ก็แทบสำลัก พริกมันดองน้ำส้ม หรือ ดองน้ำปลากันแน่ฟะเนี่ย (- -")
พูดถึงสิ่งที่ไม่ประทับใจมาแล้ว คราวนี้จะขอพูดถึงสิ่งที่ประทับใจบ้าง ก่อนอื่นเลย ก็คือไกด์ท้องที่ครับ ปกติเวลาที่เราไปเมืองจีนแล้ว จะต้องมีไกด์ท้องที่ ซึ่งทางรัฐบาลจะจัดไว้ให้ดูแลคณะทัวร์เรา ปกติการไปเที่ยวจีนแบบทัวร์ จะถูกกำหนดให้แวะร้านของฝาก พวก หยก บัวหิมะ อะไรเงี้ยครับ ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็บอกได้เลยครับว่า ไม่อยากซื้อแต่อย่างได้ แต่ว่าก็ต้องแวะถึง 5 ที่ครับ ผมเคยถามว่า ถ้าไม่แวะจะเกิดอะไรขึ้น ไกด์ก็บอกว่า ไม่แวะไม่ได้ครับ คนขับรถจะไม่ยอมขับต่อหากไม่แวะร้านช็อป แล้วการแวะช็อป ก็ต่อมีเวลานะครับ ถ้าแวะไม่ถึงหนิ่งชั่วโมง คนขับไม่เปิดประตูให้ขึ้นรถ อะไรประมาณนี้เลยครับ แต่ว่าครั้งนี้ คณะทัวร์ของผม จ่ายเงินรัฐบาลเพิ่มไปแล้วเป็นเงินค่่า "ไม่แวะช็อปปิ้ง" ครับพวกเราก็เลยไม่เจอปัญหาข้อนี้
"บัวหิมะ" สิ่งที่จนแล้วจนรอดผมก็ยังไม่รู้ว่าใช้ทำอะไร |
เข้าเรื่องไกด์ท้องที่ต่อ ไกด์ท้องที่คนนี้เป็นผู้ชาย เรียนปริญญาตรี วิชา ภาษาไทย เลยครับ เขาเล่าให้ฟังว่า ที่นี้ การเรียนภาษาไทย เป็นทีนิยมมากกว่าภาษาอังกฤษอีกนะครับ เพราะว่าภาษาไทย เรียนมาแล้ว หางานง่ายกว่ามาก ภาษาอังกฤษคนเรียนได้มีเยอะ แข่งขันสูง และนักท่องเที่ยวที่พูดภาษาอังกฤษ จะมีน้อยครับ ไกด์คนนี้ แตกฉานภาษาไทยระดับหนึ่งเลยทีเดียวครับ อายุแค่ 27 ปี กลับรู้สำนวน รู้คำไทยที่ไม่น่ามีการสอนในโรงเรียน (คำประเภทไหนทุกท่านคงรู้ดี) เค้าบอกว่าลูกทัวร์นี่แหละครับ เป็นคนสอน!!! ไกด์คนนี้ดูแลคณะทัวร์เราดีมากครับ เล่าเรื่องอะไรต่าง ๆ ก็สนุกดี ฟังแล้วไม่เบื่อ และที่สำคัญที่สุด เขา "เข้าข้างพวกเราคนไทย" ครับ เวลามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับการเดินทาง เขาจะเข้าข้างพวกเราเสมอ ไม่งี่เง่าเหมือนไกด์บางประเทศที่บางครั้งรวมหัวกันเอาเปรียบพวกเราเสียด้วยซ้ำ
เขาบอกว่า เขาชอบประเทศไทย เวลาที่มีกลุ่มทัวร์จีนออกมาท่องเที่ยว เขาก็ต้องรับหน้าที่เป็นหัวหน้าทัวร์จีนเช่นกัน เขาเล่าว่าคนจีนชอบเที่ยวประเทศไทยมากครับ ที่ ๆ คนจีนชอบไปก็คือ พัทยา ภูเก็ต กทม.ครับ (เหมือนฝรั่งเลยเนอะ มาถึงก็มาดูของแบบเดียวกับฝรั่งแหละครับ)
พูดถึงการท่องเที่ยวบ้าง การเดินทางครั้งนี้คณะทัวร์ผม มาเที่ยว อุทยาน จิ่ว ไจ้ โกว มาดูใบไม้เปลี่ยนสี (ตอนช่วง กลาง ๆ ตุลาคมจะสวยที่สุดซึ่งผมก็ไปตอนนั้นพอดี) ดูทะเลสาบหลากสี และการเดินทางครั้งนี้ใช้ รถทัวร์ ทั้งหมด (ยกเว้นตอนมาจากไทย นั้งเครื่องบินมานะครับ) จึงใช้เวลาในแต่ละวันหมดไปกับการนั่งรถนานมาก เพราะตัวอุทยานอยู่ไกลครับต้องขึ้นเขาไปสูงมาก ของดีก็งี้แหละครับอยากจะดูต้องอดทน แต่อันที่จริงก็มีเครื่องบินไปถึงอุทยานเลยเหมือนกันนะครับ แต่กรุ๊ปทัวร์ส่วนใหญ่จะไม่ชอบ เนื่องจาก ไฟลท์ดีเลย์ง่าย และบ่อย และทีนะนานมากครับ เพราะถ้าภูมิอากาศไม่ดีเขาจะไม่บิน บางทีบินไปแล้วบินกลับก็มี บนนั้นหมอกเยอะครับ แล้วที่จอดก็แคบ จึงต้องชัวร์เท่านั้นถึงจะลง บางทีดีเลย์กัน 6 ชม.บางทีดีเลย์เป็นวัน นั่งรถถึงแม้จะกินเวลามาก แต่ก็ถึงแน่นอนกว่า กำหนดเวลาได้ครับ การนั่งรถก็มีดีอยากหนึ่งครับ คือการได้เห็นทิวทัศน์ข้างทาง ซึ่งต้องบอกเลยว่า สวยมาก ๆ
ใบไม้เปลี่ยนสี และทะเลสาบ ความงามสองข้างทางที่ ฝรั่งคงเห็นบ่อย(ใบไม้เปลี่ยนสี) เลยไม่ค่อยมาเที่ยวกัน |
ตัวจามรี |
เมื่อเราได้เข้าไปในบริเวณอุทยาน ก็จะมีรถนำเที่ยวครับ เป็นรถที่ใช้ไฟฟ้า (เหมือนรถป็อพของจุฬา แต่ว่าดูแข็งแรงกว่าเยอะครับ ไต่เขาได้ เวลาวิ่งไม่กระตุกจนต้องคว้าเพื่อนแทนเสาเหมือนรถป็อพ) มีให้เลือกสองทาง คือ เหมารถ กับ รอรถตามป้าย ซึ่งการรอรถตามบ้ายลำบากครับ เพราะคนเยอะ รอนาน แลมีทางเลือกพิเศษ คือเดินเอาครับ แต่ว่าแต่ละทะเลสาบนั้นห่างกันเป็น กิโล เดินก็ได้ครับ แต่คงเหนื่อยหน่อยนะ วันนั้นผมได้เที่ยวไป สิบกว่าที่ ก็จะลองยกตัวอย่างที่สวย ๆ ที่ผมจำได้มาให้ดูแล้วกันครับ
อันนี้ ทะเลสาบห้าสีครับ ใครเห็นสีอะไรบ้างเอ่ย |
อันนี้ ทะเลสาบ ดอกไม้ 5 สี เนื่องมาจาก เห็นต้นไม้น้ำหลายสีใต้ครับ (น้ำใสมาก) |
อันนี้ ทะเลสาบดอกไม้ห้าสี สวยดี อยากให้ดู |
ทะเลสาบ ไม้ไผ่ ที่ถ่ายทำภาพยนตร์ HERO |
กว่าที่คณะทัวร์จะเดินทางจาก เฉินตู (ที่เครื่องบินลง) ขึ้นไปถึงตัวอุทยาน ก็ร่วมหกชั่วโมงครับ แต่ว่าก็สวยคุ้มค่าเมื่อยก้นนะครับ 555
วันต่อมา พวกเราไปกันที่ อุทยาน หวงหลง ซึ่งต้องขึ้นเขาไปอีก ร่วม 4 ชั่วโมงครับ การเดินไปชมนั้นค่อนข้างลำบากทีเดียว เนื่องจากตัวอุทยานอยู่สูงกว่าระดับพื้นดินร่วม 3000 เมตร ทำให้เหนื่อยง่ายและเร็วมาก จนต้องมีอุปกรณ์เสริมคือ กระป๋องออกซิเจนครับ(รูปร่างเป็นอย่างไรดูได้ในวีดีโอ) บันไดทางขึ้นก็ดันเยอะเสียอีก เอาง่าย ๆ ว่ามีแต่บันไดเลยครับ (ผมเกลียดบันได)
ส่วนเรื่องทิวทัศน์ น้ำก็ยังใสเหมือนเดิม แต่ว่ามีลักษณะต่างไป คือเราจะเห็นแอ่งน้ำเป็นขั้นบันไดครับ (ใครเคยเล่นเกมส์ Chrono cross ก็จะเหมือนฉากใน Water dragon Isle ครับ)อุทยาน หวงหลง |
เสร็จสรรพ ก็นับว่าคุ้มนะครับที่ได้มาดู แม้จะต้องแลกกับห้องน้ำสุด TEEN หรืออาหารกาก ๆ และเบียร์ที่รสชาติเหมือนน้ำเปล่า ว่ากันว่า ใครที่มาที่นี้แล้ว จะไม่ขึ้นมาอีกเลย 5555 (ยกเว้นไกด์นะครับ ไกด์ไทยที่ผมไปด้วยเค้าบอกว่าขอขึ้นปีละสองครั้งพอ) ดูครั้งเดียว คุ้มแล้ว พอเลยดีกว่าครับ
ผมมีวีดีโอที่ถ่ายมาจากเมืองจีนแบบเต็ม ๆ ด้วยนะครับ เดี๋ยวจะนำมาให้ชมกัน
เกือบลืมไปว่านี่เป็น Blog เกี่ยวกับดนตรี ผมไปจีนคราวนี้ ได้ ขลุ่ยจีนกลับมาเป็น Collection ครับ (ผมชอบสะสมขลุ่ย ไม่ว่าจะเป็น ขลุ่ยเนปาล ขลุ่ยพม่า ขลุ่ย Irish ขลุ่ยไทย ซึ่งอาจนำมาให้ชมในบทความต่อ ๆ ไป) ก็เลยขอนำมาแสดงผลงานสักหน่อยครับ
ใครว่าเครื่องดนตรีประจำชาติจะนำมาเล่นดนตรีสากลไม่ได้ ถึงแม้ว่าระดับ scale จะแปลก ๆ ไปจากสากลบ้าง แต่ถ้าเรารู้จักประยุกต์ ก็จะสามารถนำมาเล่นกับดนตรีสากลได้สบายเลยครับ อย่างเช่นในรายการคุณพระช่วย หรือจากวงดนตรี ผู้หญิง 12 คน ของจีนที่ใช้เครื่องดนตรีจีนเล่นเพลงกับดนตรีสากล สร้างเพลงได้อย่างกลมกลืน
เชิญชมเลยครับกับ เพลงขลุ่ยจีน คู่กับกีต้าร์ "ตายกี่ชาติก็ขาดเธอไม่ได้" (แต่ส่วนใหญ่มักรู้จักกันว่าเพลง ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ)