สถานะ

ติดตามเพลงและผลงานใหม่ๆ ของผม หรือเข้ามาคุยกันแบบเรียลไทม์ได้ทางเพจ www.facebook.com/notekeyboard นะครับ
*สำหรับคอร์ด ที่เห็นในโน้ตนั้น สำหรับมือซ้าย อยากรู้ว่าต้องกดโน้ตอะไรบ้าง กดที่นี่ แล้วใส้ชื่อคอร์ดที่ต้องการรู้ได้เลยนะครับ

ค้นหาบล็อกนี้

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กสพท. แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กสพท. แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เพลงนี้สำหรับน้อง ๆ แอดมิชชั้นปีนี้ ที่เจอวิกฤตน้ำท่วมเล่นงาน

     สวัสดีคร๊าบ วันนี้ผมก็มีเพลงนึงมานำเสนอ แรงบันดาลใจก็มาจาก ตอนนี้ครับ ผมมีลูกพี่ลูกน้องอยู่คนหนึ่ง ปีนี้ครับ เธอจะต้อง สอบ Admission (ต่อไปผมจะเรียกว่าสอบเอนท์นะครับ ติดปากมาแต่เด็ก)  ก็คือว่าเธออยากเรียนต่อในคณะทันตแพทย์เหมือนผม ซึ่งเธอก็พยายามเรียนอย่างตั้งใจเรื่อยมาครับ แต่เผอิญครับ
     ปีนี้ครับเกิดวิกฤตการณ์น้ำท่วม การสอบ GAT PAT ก็ต้องเลื่อนออกไปหมด รวมไปถึงการสอบวิชาเฉพาะของ กสพท.(กลุ่มสถาบันการแพทย์แผนไทย มั่ง 5555)ก็ต้องเลื่อนออกไปด้วย
   
   
     พูดถึงวิชาความถนัดทางการแพทย์ของกสพท.แล้ว ก็ขอเล่าเสียหน่อยแล้วกัน คือสมัยผม ข้อสอบจะมี สามชุด มีความคิดเชื่อมโยง ทักษะความถนัด(รวมไอคิวและคณิตศาสตร์) และจริยธรรม
 
      ไอ้ส่วนเชื่อมโยงเนี่ย กสพท. เป็นคนนำเทรนเข้ามาครับ ผมจำได้ เพราะผมเป็นรุ่นแรกที่ได้สอบ GAT PAT แล้วผมบังเอิญไปทำข้อสอบเก่าของ กสพท. ก็เจอตัวอย่างเลยครับ "นักเรียนดี" วิธีบรรยายตัวอย่างและวิธีทำข้อสอบ มันช่างเหมือนแป๊ะ เหมือนกับการสอบ GAT ครั้งแรกในชีวิตผม และครั้งแรกของนักเรียนไทย (แอบภูมิใจเล็ก ๆ )
      จะว่าไปแล้วในการสอบ GAT ครั้งแรกนั้น หากใครทำส่วนเชื่อมโยงได้ ก็จะได้เต็มไปเลยครับ แต่ถ้าไม่ได้ก็จะได้แค่ ประมาณสิบกว่า ๆ คะแนนจาก ร้อยห้าสิบคะแนน สาเหตูครับ เพราะ "อ่านวิธีทำไม่เข้าใจ" (ผมก็เชื่อว่าเด็กส่วนหนึ่งไม่ได้อ่านข้อสอบด้วยซ้ำ กำลังจะตั้งท่าดิ่งข้อ ค. แต่มาเจอ choice 99H เข้า ก็ฝนมั่วแม่มเลยทีนี้) ซึ่งผมก็บอกตรง ๆ ว่าอ่านแล้วงง ฉิ-หาย ต้องดูตัวอย่าง วิเคราะห์ พลิกไปพลิกมาระหว่างคำอธิบายกับตัวอย่างอยู่กว่าครึ่งชั่วโมง จึงได้เริ่มทำ
     จนกระทั่งหลัง ๆ ก็มีคนรู้แกว ออกมาเปิดคอร์สสอน "วิธีทำข้อสอบความคิดเชื่อมโยง" กันเป็นขโยงจน อ.อุทุมพร เริ่มหักหลัง ข้อสอบ เชื่อมโยง ไม่ง่ายเหมือนครั้งแรก ครั้งแรกคนเต็มเยอะมาก แต่ครั้งที่สอง กับสาม แทบไม่เห็นคนได้เต็ม  (ครั้งแรกผมได้ เต็ม ครั้งที่สองกับสามได้ 147) ไม่รู้แกไปวางยาไว้ตรงไหน 5555
     พอมาทีนี้ครับ ถึงคราว กสพท. ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาคงไม่ได้คุยกับ สทศ. มั่ง จึงออกข้อสอบมาระดับคล้ายปีที่แล้ว   ผมมาถึงก็เปิดส่วนเชื่อมโยงก่อนเลยครับ เจออีกแล้ว "นักเรียนดี" เปลี่ยนตัวอย่างมั่งก็ได้นะครับ ผมเจอมา 3 ครั้งแล้ว แต่ว่างวดนี้ กสพท.ยังเหมือนตามเด็กไม่ทัน ไม่รู้ว่าเด็กไปกวดกันมาหมดแล้ว คะแนนออกมาจึงเต็มกันเป็นทิวแถว ไม่รู้เดี๋ยวนี้กสพท.วิวัฒนาการข้อสอบไปรึยัง ผมว่าแบบนี้มันเริ่ม "น่าเบื่อ" แล้วนะ
"นักเรียนดี" ตัวอย่างข้อสอบที่ไม่เคยเบื่อ....(จาก Dek-d.com)

ผมเบื่อกระดาษข้อสอบแบบนี้แล้วครับ 5555 


     ส่วนที่สอง ชื่ออะไรจำไม่ได้(นานแล้วครับ) แต่เป็นข้อสอบเกี่ยวกับความถนัด และสิ่งที่ผมเกลียดที่สุด นั้นคือ "เลข" ต้องคิดให้ไวมาก ในเวลาที่น้อย พาร์ทนี้ครับ เป็นพาร์ทที่ผมง่อยมาก ได้คะแนน ไม่ถึงครึ่ง


     ส่วนที่สาม นั่นก็คือส่วน จริยธรรม ก็มีหลายสถาบันกวดวิชามาติวกันเหมือนกันนะครับ ส่วนใหญ่จะเอาจุดขายที่ให้พี่หมอมาสอน คนก็จะเชื่อ(รวมทั้งผม) ซึ่งพี่เค้าจะสอนแนวคิดที่คนเป็นหมอ "ควร"จะมี ผมอ่านโจทย์บางข้อ ก็จะมีวิธีการแก้ปัญหาแตกต่างกันออกไป ซึ่งใครจะเลือกวิธีการไหน มันก็ขึ้นอยู่กับ ภูมิหลัง และ ลักษณะนิสัยส่วนตัวของคนนั้น (สงสัยคนออกข้อสอบอยากจะกรองให้คนที่มาเรียนหมอมีนิสัยเหมือน ๆ กัน) แต่มันก็ไม่ใช่ซะทีเดียวหรอกครับ เพราะก็มีพี่หมอมาสอนแล้วว่า คุณควรจะคิดอย่างไรในสถานการณ์ไหน สิ่งที่คุณตอบลงในข้อสอบ มันก็ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของคุณอยู่ดีแต่เป็นสิ่งที่คุณโดน"บอก"มา (แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันคงวัดคนได้ระดับหนึ่งนั้นแหละครับ เขาจึงยังเลือกใช้ข้อสอบนี้อยู่)
ส่วนนี้ปรากฏว่าผมทำได้ดีครับ ได้ 70/100 ก็ไม่รู้ว่าเพราะลักษณะการคิดอย่างผมเหมาะกับการเป็นหมอ หรือเพราะผมถูกสอนมาดีให้เลือกข้อที่คะแนนเยอะที่สุด
     และก็มีเรื่องแปลกอยู่เรื่องนึง เท่าที่ผมสังเกตุ คนที่ได้ส่วนความถนัดไอคิวเยอะ จะได้จริยธรรมน้อย ส่วนคนที่ได้ไอคิวน้อย กลับจะได้จริยธรรมเยอะ(เช่นผม) ผมสังเกตมาหลายคนแล้วครับ ^^




     พล่ามเรื่องกสพท.ไปซะเยอะ (ก็ผมเคยสอบแต่อันนี้อ่ะ อย่างอื่นไม่มีความรู้จะพูด) ก็กลับมาเข้าเรื่องครับ ปีนี้เนื่องจากมีน้ำท่วม การสอบต่าง ๆ จึงเลื่อนกันกระจาย หลายคนก็คิดว่ามันก็ดีนะจะได้มีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้นไง แต่ผมจะบอกว่า ในความเห็นของผม มัน "ผิดถนัด" ครับ แน่ใจหรือว่าจะอ่านหนังสือได้เยอะขึ้น ไม่เครียดมากขึ้น นานขึ้นเหรอ การอ่านหนังสือสำหรับผมมันจะมีจุดอิ่มตัว เป็นจุด peak ที่่อ่านได้มากที่สุด จำได้มากที่สุด หลังจากนั้นมันจะอึน ๆ ซา ๆ (เชื่อว่าหลายคนก็เป็น) ถ้าหากเรารู้วันสอบที่แน่นอน เราก็สามารถเตรียมตัวเราให้ฟิต ให้ก่อนสอบ ความรู้เรามัน peak สอบก็สบาย แต่ถ้าเกิดเราต้องรอต่อไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่รู้ว่าจะได้สอบเมื่อไหร่ อ่านซ้ำเข้า ซ้ำเข้า มันก็จะล้าและเบื่อครับ และที่สำคัญที่สุด เราจะสับรางไม่ทันตอนช่วงประกาศผล เนื่องจากทุกการสอบเลื่อนมากระจุกกันหมด จะสอบตัวไหนก็ต้องเลือกดีดี ต้องพลาดบางที่ไป แล้วพอประกาศออกมา เกิดไม่ได้ที่ที่พอใจ จะหาที่ไหมสอบ ก็ไม่ทัน เพราะจะเปิดเทอมแล้ว (ของผมนี้ ปิดเทอม สงกรานต์เลยนะครับ ไม่รู้น้อง ๆ ที่เรียนม.ปลายจะได้ปิดเทอมมาเตรียมตัวกันเมื่อไหร่)


     ก็นะครับ น่าเห็นใจน้อง ๆ แอดมิชชั่นปีนี้ ที่ต้องแบกรับความเครียด ความมีภาระในใจ(ไปเที่ยวก็ไม่สนุก) นานกว่าเด็กปีอื่น ๆ และก็ขอให้สู้เข้าไว้นะครับ เผื่ออนาคตอันงดงาม เพื่อคนที่รอให้เรามาสร้างประโยชน์ให้
     สุดท้ายนี้ ขอมอบเพลง "ตามฝัน" นี้ ให้น้อง ๆ ทุกคนนะคร๊าบ